สวีเดน เมืองในฝันสวรรค์ของนักท่องเที่ยว

สวีเดน

พูดถึงประเทศ สวีเดน ถือได้ว่าเป็นประเทศหนึ่งที่มีสถาปัตยกรรมอันงดงามแถมยังมีวิวทิวทัศน์ทั้งทางธรรมชาติอย่างมากมาย บ้านเมืองที่งดงามราวกับในเทพนิยาย ทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอันงดงามมากมาย เชื่อว่าหากมีโอกาสจะต้องไปเยือนสักครั้งอย่างแน่นอน และวันนี้จะพาไปทำความรู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวอันงดงามบางส่วนของประเทศในฝันแห่งนี้กัน หากพร้อมแล้วไปรับชมก้นได้เลย

7 สถานที่น่าเที่ยวใน สวีเดน ที่คุณไม่ควรพลาด

เป็นอีกประเทศหนึ่งที่เป็นขวัญใจของนักท่องเที่ยวทั่วโลกอย่าง สวีเดน (Sweden) อาจเพราะมีพร้อมไปซะทุกอย่าง ทั้งสถาปัตยกรรมเก่าแก่สวย ๆ วิวธรรมชาติที่ยังคงใสสะอาด ไปจนถึงแหล่งช้อปปิ้งและร้านอาหารอร่อย ๆ ซึ่งวันนี้ painaidee ก็ได้รวบรวมสถานที่เที่ยวดี ๆ จากเมืองแห่งความฝันของนักท่องเที่ยวมาฝากกัน สำหรับใครที่กำลังคิดว่าจะไปไปเที่ยวที่แห่งนี้ ก็สามารถเข้ามาอ่านเพื่อวางแผนของการเที่ยวของคุณได้แล้ว เพื่อจะได้สะดวกในวันเดินทางจริง จะมีที่ไหนน่าสนใจบ้างไปรับชมกันเลย

ปราสาทคาลมาร์ (Kalmar Castle)

เอกลักษณ์ของสวีเดน

ปราสาทแห่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของประเทศเลยทีเดียว เพราะก่อตั้งมายาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 และเป็นตัวแทนในการปกป้องคุ้มครองประเทศมาตลอด โดยปราสาทขนาดใหญ่นี้ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้ข้าศึกและโจรสลัดเข้ามาโจมตีเมืองผ่านทางทะเลบอลติกได้ ปัจจุบันปราสาทคาลมาร์กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ให้บรรดานักท่องเที่ยวชื่นชมสถาปัตยกรรมแบบเรเนซองสวย ๆ กันอย่างเพลิดเพลิน นอกจากนี้ที่นี่ยังมีเมนูอาหารสไตล์ศตวรรษที่ 16 ให้บรรดานักชิมได้ลิ้มลองกันจนจุใจอีกด้วย

เมืองวิสบีย์ (Visby Medieval City)

สวีเดนจุดเด่น

เมืองเก่าแก่ในเกาะก็อธแลนด์นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งที่ซึ่งนักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเด็ดขาด เพราะเมืองที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 โดยมีจุดท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย ทั้งพิพิธภัณฑ์เก่าแก่ประจำเกาะและสถาปัตยกรรมยุคกลางมากมายที่ยังคงหลงเหลือไว้ให้คนรุ่นหลังได้เห็น แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของที่นี่คงเป็นอะไรไม่ได้นอกจาก Ringmuren กำแพงหินรูปวงกลมแสนสวยของเมือง รวมไปถึงสวนพฤกษชาติขึ้นชื่อที่ทำให้เมืองวิสบีย์ได้ฉายาว่า “เมืองแห่งกุหลาบ”

ปราสาทโดรทนิงโฮล์ม (Drottningholm Palace)

วัฒนธรรมสวีเดน

นักท่องเที่ยวคนไหนไม่ได้ไปที่ “ปราสาทโดรทนิงโฮล์ม” ถือว่าพลาดมากๆ เพราะที่นี่สวยถึงขนาดที่ UNESCO ยกย่องให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกเลยทีเดียว สวีเดนจุดเด่น หลักๆ เลย คือปราสาทแห่งนี้เป็นของราชวงศ์ในยุคก่อน ซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ปราสาทแห่งนี้จะเต็มไปด้วยความหรูหราไปซะทุกจุด จนทำให้นักท่องเที่ยวที่ได้เขาชมประทับใจไปตามๆ กัน

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ (Swedish Museum of National Antiquities)

ภาษาสวีเดน

ถ้าคุณเป็นคนชอบศึกษาวัฒนธรรมโบราณหรือชอบดูงานศิลปะสวยๆ ในสมัยก่อน คุณก็ไม่ควรพลาดการเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ที่นี่เด็ดขาด เพราะเป็นที่ซึ่งรวบรวมข้าวของยุคเก่าเอาไว้มากมาย ตั้งแต่สมัยยุคหินรวมไปถึงหลักฐานจากยุคไวกิ้ง ทั้งกระดูกและอาวุธของคนในยุคนั้น ซึ่งจุดเด่นที่สุดของพิพิธภัณฑ์นี้ก็คือ “ห้องสีทอง” ที่เรียกกันว่า Guldrummet โดยภายในห้องจะเก็บรวบรวมเฉพาะเครื่องเรือนโบราณที่ทำจากเงินและทองเท่านั้น จึงเต็มไปด้วยงานฝีมือที่ประณีตงดงามมากมาย

Gamla Stan

วัฒนธรรมสวีเดน

ถือเป็นสถานที่โปรดของนักท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งเลยทีเดียวเพราะ Gamla Stan เป็นที่ซึ่งผสมผสานกลิ่นอายย้อนยุคแบบโบราณและความทันสมัยเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัวนับว่าเป็น เอกลักษณ์ของสวีเดน โดยที่นี่มีทั้งพระราชวังและสถาปัตยกรรมย้อนยุคสวย ๆ ให้เราได้ถ่ายรูปกันจนจุใจ แถมยังมีคาเฟ่น่ารัก ๆ รวมไปถึงแหล่งช้อปปิ้งมากมายให้เราได้เดินกันไม่รู้เบื่ออีกด้วย

หมู่เกาะสตอกโฮล์ม (Stockholm Archipelago)

สวีเดนจุดเด่น

หมู่เกาะสตอกโฮล์มถือเป็นหมู่เกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในทะเลบอลติก โดยมีเกาะรวมกันกว่า 30,000 เกาะ ซึ่งแต่ละเกาะก็ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวแตกต่างกันไปตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน เช่น เกาะฟีจานเหมาะกับคนชอบพายเรือคายัก ในขณะที่เกาะฟินน์แฮมม์เป็นที่ชื่นชอบของคนรักการว่ายน้ำ จึงทำให้เป็นอีกสถานที่ที่นักท่องเที่ยวแห่ไปพักผ่อนที่นั่นกันมากมาย

วิหารลูเธอแรน (The Lund Cathedral)

เอกลักษณ์ของสวีเดน

และแล้วก็มาถึงสถานที่สุดท้าย นั่นก็คือ “วิหารลูเธอแรน” ในเมืองสกาเนีย (Scania) นั่นเอง โดยวิหารแห่งนี้ก่อตั้งมายาวนานตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11 และทำจากหินแกรนิตเป็นหลัก แถมยังตกแต่งด้วยสไตล์บาซิลิกาตามแบบนิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งสิ่งที่โดดเด่นของวิหารแห่งนี้ ได้แก่ หอคอยคู่ รวมไปถึงนาฬิกาที่ออกแบบให้ดูเหมือนกับกษัตริย์ 3 พระองค์

จุดเด่นของประเทศสวีเดนที่ทำให้หลายๆคนชอบ

ภาษาสวีเดน

อีกหนึ่งประเทศในแถบสแกนดิเนเวียที่ซึ่งประชากรมีคุณภาพชีวิตดี อีกทั้งมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย และบรรยากาศยังสงบเหมาะแก่การพักผ่อนอย่างแท้จริง ซึ่งหากใครยังแคลงใจอยู่ละก็ เรามีเหตุผลดี ๆ ที่ทำให้เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นประเทศน่าอยู่มากมาบอกเล่ากัน

  1. ธรรมเนียมปฏิบัติที่เรียกว่า Fika หรือ coffee break คือ การพักดื่มกาแฟระหว่างวัน ไม่ว่าจะกับเพื่อนร่วมงานหรือกับครอบครัว ซึ่งปัจจุบันนี้นอกจากกาแฟแล้ว ยังมีชา นม น้ำผลไม้ และขนมหวานเล็กน้อย ระหว่างการสนทนาสั้น ๆ ด้วย ถือเป็นธรรมเนียมที่ช่วยกระชับความสัมพันธ์และช่วยผ่อนคลายจากความตึงเครียดได้ด้วย
  2. ว่ายน้ำใจกลางกรุงสตอกโฮล์ม นึกไม่ออกเลยว่าการว่ายน้ำเล่นในเมืองใหญ่จะเป็นเช่นไร ลองจินตนาการดูว่าใครกันจะมาว่ายน้ำในแม่น้ำไทม์กลางลอนดอน หรือแม่น้ำแซนใจกลางปารีส แต่ที่สตอกโฮล์มถือเป็นภาพธรรมดา หากคุณจะมาว่ายน้ำผ่อนคลายกัน
  3. แสงแดดเจิดจ้าในฤดูร้อน ช่วงซัมเมอร์ของประเทศนั้นเรียกว่ามีแสงแดดเจิดจ้าตลอดเกือบทั้งวัน ว่ากันว่าจะมีแสงสว่างถึง 20 ชั่วโมงต่อวันเลยทีเดียว
  4. เทศกาล Midsommar อีกหนึ่งสีสันในฤดูร้อน คือ เทศกาล Midsommar ที่ทุกคนพร้อมใจกันใส่มงกุฎดอกไม้แล้วเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน
  5. ป่าไม้ที่สวยงาม ผู้คนในประเทศรวมทั้งนักท่องเที่ยวหลงใหลในการพักแรมในป่า เพราะมีป่าไม้ที่สมบูรณ์และงดงามมากมาย
  6. ผ้าห่มในบาร์/คาเฟ่ ที่นั่งด้านนอกของร้านอาหาร ผับ และบาร์ในประเทศ จะมีผ้าห่มพาดไว้ที่เก้าอี้ ซึ่งในกรณีที่อากาศเย็นหรือน้ำค้างลง แน่นอนว่าคุณจำเป็นต้องใช้มัน และนี่เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เห็นว่าคนในประเทศใส่ใจกันและกันจริง ๆ
  7. รถไฟใต้ดิน รัฐบาลของประเทศส่งเสริมเรื่องการเดินทางท่องเที่ยว จึงช่วยซัพพอร์ตเรื่องค่าตั๋วรถไฟใต้ดินให้มีราคาถูก เพื่อเอื้อต่อการเดินทางของประชาชน 
  8. ศิลปะที่สถานีรถไฟใต้ดิน นอกจากราคาจะถูกแล้ว ภายในของทุกสถานีรถไฟใต้ดินในสตอกโฮล์มยังถูกตกแต่งไปด้วยศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นรูปปั้นหรือภาพเขียน ซึ่งช่วยทำให้บรรยากาศแสนอึดอัดกลายเป็นบรรยากาศสุดชิลขึ้นมาทันที บ่งบอก วัฒนธรรมสวีเดน  ได้เป็นอย่างดี
  9. เป็นประเทศที่มีดนตรีและศิลปินอันโด่งดังเป็นอันดับที่ 3 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ซึ่งศิลปินชื่อดัง ได้แก่ Knife, Robyn, Ace of Base และ ABBA
  10. เจ้าหญิงเอสแตล เพราะความน่ารักของเจ้าหญิงเอสแตล (Princess Estelle) ดัชเชสแห่งเอิสเตอร์เยิตลันด์ (Duchess of Ostergotland) ที่ทรงเป็นเสมือนดวงใจของชาวบ้านทุกคน
  11. Pippi Longstocking นวนิยายชื่อดังของประเทศ เป็นนวนิยายชื่อดังที่ประพันธ์โดย Astrid Lindgren ซึ่งตั้งชื่อเรื่องตามชื่อลูกของเธอ เรื่องราวเกี่ยวกับความน่ารักของเด็กน้อยที่ทำให้บรรดาผู้ใหญ่ทึ่งในทัศนคติบางอย่างของเธอ จึงเป็นเสมือนนวนิยายอมตะที่จรรโลงใจผู้อ่านทุกยุคสมัย
  12. อีกหนึ่งสีสันของประเทศ ก็คือ กวางเรนเดียร์ สัตว์คู่ใจซานตาครอส ซึ่งถือเป็นกวางในตำนานที่เด็กๆ อยากจะเจอตัวเป็นๆ สักครั้ง
  13. เกือบจะทุกบ้านเลยที่มีต้นไม้และสวนดอกไม้อยู่ในรั้วบ้าน ส่งเสริมให้เป็นเมืองสีเขียวโดยปริยาย ซึ่งก็เป็นที่น่าอิจฉาที่ไม่ต้องเดินทางไปไกล แต่ก็ได้ชมความสวยงามของหมู่มวลดอกไม้ในรั้วบ้านตัวเอง
  14. ผลไม้ขนาดเล็กในตระกูลเบอร์รีที่ชาวบ้านนิยมรับประทานกับอาหารแทบจะทุกประเภทเลย ซึ่งผล Lingonberry จะช่วยให้อาหารมีรสชาติเพิ่มมากขึ้น
  15. มีช่างไม้ฝีมือประณีตจำนวนมาก จึงมีการแกะสลักไม้เป็นลวดลายสวยงาม ซึ่งต้องบอกว่าเป็นภาพหายากที่จะเห็นต่างชาติมาแกะสลักไม้เฉกเช่นคนไทย
  16. ไม่ว่าจะช่วงเวลาใด ย่านดาวน์ทาวน์ของกรุงสตอกโฮล์มยังคงมีเสน่ห์และสวยงามเสมอ
  17. ศิลปะจากชาวไวกิ้งในสมัยก่อนที่ยังไม่มีภาษาเป็นของตนเอง ชาวไวกิ้งจะใช้สัญลักษณ์ต่าง ๆ สลักไว้ตามหิน ซึ่งพบว่าในปัจจุบันมันกลายเป็นโบราณวัตถุและศิลปะที่มีความงดงามที่คนรุ่นหลังยังคงให้ความสนใจอยู่เสมอ
  18. มีสวนสาธารณะมากมายหลายแห่ง ที่ทำให้ผู้คนมีกิจกรรมร่วมกันทั้งครอบครัวหรือในหมู่เพื่อน ไม่ว่าจะเป็นปิกนิก, ออกกำลังกาย, เล่นกีฬา เหล่านี้เป็นสิ่งที่ส่งเสริมให้ประชากรมีคุณภาพชีวิตที่ดี
  19. อุดมไปด้วยแหล่งธรรมชาติ โดยเฉพาะป่าสน ที่นอกจากรัฐบาลจะมีบทบาทอย่างมากในการดูแลป่าไม้แล้ว ประชาชนยังช่วยกันอนุรักษ์ธรรมชาติ ทำให้เป็นหนึ่งในประเทศสีเขียว
  20. รถเครนยีราฟ แน่นอนว่าในเขตก่อสร้างไม่มีใครอยากจะเข้าไปเนื่องจากเป็นพื้นที่อันตรายและไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่บริเวณพื้นที่ก่อสร้างริมทะเลบอลติก รถเครนถูกเพนต์ด้วยลายยีราฟ นับเป็นภาพน่ารัก ๆ ที่หาไม่ได้ในพื้นที่ก่อสร้างอื่น ๆ
  21. ในยามค่ำคืนของประเทศนี้มีไนต์คลับจำนวนมากที่สร้างความบันเทิงให้แก่นักท่องเที่ยว ในยามกลางวันก็เช่นกัน พวกมันกลายเป็นตลาดนัดที่มีสินค้ามากมายดึงดูดให้นักท่องเที่ยวแวะเวียนไปช้อปปิ้ง
  22. หมู่เกาะสตอกโฮล์มเป็นหมู่เกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในทะเลบอลติก โดยมีเกาะรวมกันกว่า 30,000 เกาะ และแต่ละเกาะยังมีเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวแตกต่างกันไป ถือเป็นความหลากหลายด้านการท่องเที่ยวของประเทศ
  23. มีอาหารให้คุณลิ้มลองมากมาย แต่สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์เลยคือ ลูกชิ้น ซึ่งลูกชิ้นที่เราคุ้นเคยกันมักจะมีแป้งผสมอยู่ แต่ลูกชิ้นในประเทศนี้จะมีแต่เนื้อสัตว์ล้วนๆ ปั้นเป็นลูกกลมๆ อีกทั้งยังมีรสชาติที่อร่อยมากอีกด้วย

ประวัติและที่มาของ ภาษาสวีเดน

พูดถึงเรื่องของ ภาษาสวีเดน กล่าวได้ว่าเป็นเช่นเดียวกับภาษาเดนมาร์กและนอร์เวย์ มีพื้นฐานมาจากภาษานอร์สโบราณ มันถูกพูดโดยพวกไวกิ้งซึ่งแพร่กระจายไปทั่วยุโรปผ่านการพิชิตของพวกเขา จนถึงปี ค.ศ. 1050 ภาษาในสแกนดิเนเวียเป็นหนึ่งเดียว แต่หลังจากนั้นก็แบ่งออกเป็นสามกลุ่ม แม้ว่าภาษาจะถูกแบ่งออก แต่ผู้ที่รู้ภาษาก็จะสามารถเข้าใจภาษาเดนมาร์กและฟินแลนด์ได้เช่นกัน ภาษาถิ่นสมัยใหม่ของประเทศถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 ภายใต้อิทธิพลของการทำให้เป็นเมือง ในศตวรรษที่ 20 มีการปฏิรูปอย่างจริงจังซึ่งมีรูปแบบเหมือนภาษาราชการของประเทศ